ไปญี่ปุ่นแต่ละครั้งจะมีโจทย์ที่ไม่ซ้ำกันเท่าไหร่ มาคราวนี้นอกจากหาที่แปลกใหม่แล้ว
โจทย์ซ้อนคือเข้าร้านกาแฟให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ร้านนี้อยู่ริมถนน ริมถนนจริงๆ แต่เพื่อความเรียบร้อยก็จะอยู่หลังแนวทางเดินไม่วางตรงไหนก็วาง
จริงๆผมเดินผ่านไปแล้วแต่เดินถอยหลังกลับเพื่อความแน่ใจ
ในร้านมีเมล็ดกาแฟมากกว่าร้านดังในประเทศไทยเสียอีก
นี่คือความแตกต่างข้อแรก ร้านกาแฟsmeทุกร้านมีเมล็ดกาแฟแบบเดียวและต้องถูกที่สุด
แต่นี่ตรงข้ามเลยครับมีเมล็ดกาแฟมากมาย ลูกค้าที่เห็นกินเสร็จซื้อเมล็ดกลับ

ถึงตาผมบ้าง เจ้าของร้านถามยังกะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สัมภาษณ์ไปถึงความชอบ กลิ่น รส หนัก เบา จนแกชี้มาตัวนึง จริงๆตอนถามผมบอกว่าชอบแบบกลางๆ แต่สรุปผมขอเอสเปรสโซ่ร้อน เหมือนหักหลังแก แกก็อาโน่มันจะเข้มไปนา ผมบอกว่าโอเคผมรับผิดชอบเอง คือมันหนาวและผมอยากได้แบบร้อนวาบเข้าท้องไปเลย

ข้างหลังนั้นเหมือนข้อสอบเอนทรานซ์ ที่เราต้องผ่านด่านไปให้ได้ก่อนถึงจะได้กิน ผมว่าความตั้งใจมันเกินราคากาแฟที่ส่งผ่านมาถึงมือผม ความสนุกในการเลือกกาแฟกันและต่างเดาใจกันว่ามันจะใช่อย่างที่กูคิดไหม

ความจริงมีกาแฟดริปด้วยแต่ มันค่ำแล้วแกคว่ำค่ำชามดริปเหลือแต่เครื่องแมชชีน ก็เลยดูๆดมๆไป

ตัวที่ผมเลือกเป็นตัวที่แกบอกว่าเป็นตัวบนของร้านเลยทีเดียว มันอยู่ชั้นสองนั่นเอง
ถ้าร้านเล็กๆบ้านเราเปลี่ยนแนวคิดเป็นหลากหลายผมว่าเราจะดีกว่าพากันดิ่งราคากันตายหมู่
คือคนกินก็เลือกไม่ได้คนขายก็ไม่ได้กำไร ทำไปเพราะว่างไม่มีอะไรทำ
โอกาสยังรอคนตั้งใจจริงอยู่เสมอครับ

Comments

comments

Choltib Ransibrahmanakul