Browse archive

March 2018

Home / 2018 / March

Latest Posts

blind taste coffee

บางสิ่งไม่อาจสามารถตัดสินได้ด้วยตา ถ้าเราจะต้องเลือกไปร้านกาแฟสักร้านแล้วต้องแต่งร้านสวย ใช้อุปกรณ์แพง มีมุมถ่ายรูปเยอะๆ เราจะไม่ได้พบเจอหรือก็มีน้อยมากในญี่ปุ่น กาแฟที่ดีมันต้องดมและอมผ่านลิ้นค่อยกลืนลงไป ดังนั้นไม่ต้องดูบรรยากาศร้านอะไรมาก ไปชิมให้รู้กันไป ผมเดินผ่านหน้าร้านแล้วรู้สึกถึงความเรโทร กาแฟมากมายมหาศาลกองอยู่หน้าร้าน เหมือนบ่งบอกว่าร้านนี้มีให้เลือกเยอะนะ ระหว่างที่ยืนเมาเมล็ดกาแฟอยู่นั้น ก็ต้องหลบให้กับนักดื่มกาแฟที่ไม่ต้องมาเสียเวลายืนมองเมล็ดกาแฟอยู่นาน เพราะเขานำทางด้วย กลิ่น ลิ้น และสัมผัส ไม่ต้องมองครับนี่คือข้อได้เปรียบ เมื่อประสาทสัมผัสมันมีมากเราก็มักจะใช้มันให้ครบโดยไม่ได้จำเป็นไปซะทุกเรื่อง เช่นการจะกินกาแฟสักแก้ว เอาได้เวลาเข้าร้านแล้วครับ นอกจากร้านจะดูย้อนยุคคนขายก็อยู่ในยุคของร้านด้วยแต่เป็นการเก่าประสบการณ์ของการขายกาแฟมาอย่างยาวนาน กาแฟอะไรแพงกว่าซูชิอีกแต่ถ้ามันจะขนาดนั้นก็ต้องลองครับ คุณป้าเจ้าของร้านหยิบเมนูที่มีแต่ตัวหนังสือญี่ปุ่นออกมากาง ผมก็ท้าทายนางด้วย โอมากาเสะ เท่านั้นแหละครับภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เอโดะ เมจิ มาเป็นพรวน ผมยิ้มแล้วพูดซ้ำไปอีกรอบ โอมากาเสะ ผมได้กาแฟที่ได้รับการคัดเลือกพิเศษจากเจ้าของร้านมาจิบ มันจะบางกว่าเครื่องเอสเพรสโซ่แต่ว่ามันกลมกล่อมตามประสากาแฟดริป คุณป้ามาถามว่าเป็นยังไงถูกใจหนูไหม ผมก็พยักหน้าหงึกๆดีครับ สมาคม blind taste อยู่ที่ชั้นลอย คุยกันสนุกสนานและกาแฟถูกนำไปปรนเปรอ

Read More
GUNDUM at Odiba

ในวันที่หนาวเหน็บกับเด็กชายที่ชื่นชอบกันดั้ม ใครที่รู้จักตัวนี้บอกผมที่ว่ามันชื่ออะไร… ไม่รู้ว่าผมโตมากับตุ๊กตาบาร์บี้หรือเปล่าทำไมผมแยกแยะกันดั้มไม่ได้   วันที่ญี่ปุ่นมีอากาศเพียงเลขตัวเดียวผมก็ไม่ลืมสัญญาว่าจะพาไปดูกันดั้ม เพราะมันอยู่โตเกียว โตเกียวเป็นเมืองสุดท้ายที่จะมาเก็บรายละเอียดเล็กน้อยก่อนกลับเมืองไทย   หลังจากที่ดูกล้องจนเพลินหันไปดูพระอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าแล้วเราจึงบึ่งไปโอไดบะ โอไดบะเป็นเกาะที่เกิดจากการถมทะเล ที่นี่จึงเป็นเมืองใหม่ที่ถูกวางภูมิสถาปัตย์มาเป็นอย่างดี คุณสามารถนั่ง yamanote line มาลงสถานี shimbashi แล้วไปนั่งรถไฟไร้คนขับชื่อ yurikamome ที่โอไดบะคุณสามารถไปทิ้งเวลาที่นั่นได้ทั้งวันแต่ผมไปหลายรอบละ คราวนี้จึงไปดูกันดั้มโดยตรง และไปแช่ออนเซนก่อนกลับบ้านนอนอากาศต้นเดือนมีนาคมหนาวเหน็บแบบเลขตัวเดียวมาพร้อมลมกรรโชกแรง ลงสถานดีไดบะแล้วเดินต่ออีก 800 เมตร หลายคนลงพร้อมผมและเป็นเพื่อนร่วมทางไปด้วยกัน เราไปถึงก็มืดสนิทแล้ว ผมถ่ายมาสองรูปเสร็จ แต่เด็กชายที่ไปด้วยขอซึมซับบรรยากาศกันดั้มต่ออีกหน่อย มันคงเป็นฝันของเด็กชายส่วนใหญ่ที่อยากไปดูหุ่นยนต์ขนาดเท่าของจริง เมื่อเรามีเป้าหมายเราก็จะไปถึงครับ

Coffee every time in Japan(3)

ผมไปเกียวโตมาสามครั้งที่มาทุกครั้งคือ วัดเสาแดงหรือ ฟูจิมิ อินาริ ที่นี่ก็มีร้านกาแฟซ่อนอยู่ การไปครั้งแรกคือไปถ่ายงานมา และอีกสองครั้งคือพาคณะที่มาด้วยขอให้พามา สิ่งที่อยากเล่าโพสนี้คือร้านกาแฟที่อยู่ติดกับวัดนี้มากกว่า คุณครับร้านกาแฟที่ญี่ปุ่นไม่ต้องใหญ่ นั่งข้างในได้ไม่เกินสิบคนมีที่ให้ยืนอีกหน่อยหน้าร้าน ความเก๋ของร้านกาแฟคือการออกแบบร้าน การใช้เครื่องชงที่ดีและการคัดสรรเมล็ดกาแฟ ผมเข้าไปข้างในเต็มครับไม่มีที่นั่งเลยสั่งแล้วออกมายืนข้างนอก สิ่งที่ผมเข้าไปเห็นคือความสุขของเจ้าของร้านการแฟ เป็นชายหนุ่มสองคนมุ้งมิ้งกันรับออเดอร์และบรรจงทำเครื่องดื่มอย่างดีให้รับทาน อากาศที่เย็นกำลังดีกับกาแฟร้อนสักแก้วมันทำให้เรามีพลังในการเดินทางต่อ รสชาติของมันเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเราไปกินกาแฟดีๆที่หายากในบ้านเราแต่หาได้ตามท้องถนนของบ้านเค้า ผมมักจะลงจากยอดเขาแล้วแวะดื่มกาแฟก่อนเดินทางไปที่อื่นต่อ   สำหรับท่านที่อยากไปลองกาแฟร้านนี้  

Coffee every time in Japan(2)

ผมยังคงพักอยู่ที่เกียวโต ที่พักที่เหมาะกับเราที่สุดคือที่พักที่เดินไม่ไกลกับสถานีรถไฟมากนัก เกียวโตเป็นเมืองเก่า โบราณสถานเยอะมากครับมาสามครั้งก็ไม่ซ้ำกันทั้งสามครั้ง ที่สถานีรถไฟเกียวโต เราสามารถนั่งรถไฟเชื่อมไปที่ต่างๆและยังเป็นท่ารถบัสมากมาย กลับมาที่เรื่องกาแฟกันครับ สำหรับประเทศญี่ปุ่นวิถี slow life นอกจากชงชาแล้ว กาแฟที่นี่ก็นิยมแบบดริปเช่นกัน ดังนั้นควรลองดริปครับ ร้านกาแฟหาง่ายพอๆกับเซเว่นบ้านเรา เดินเข้าไปครับชี้ไปมั่วๆก็ยังอร่อย แต่คนรุ่นใหม่จะพูดภาษาอังกฤษได้เราก็คุยง่ายหน่อย ผมเลือกกาแฟเอธิโอเปียมาดริปเนื่องจากความหอมและดื่มง่าย ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับโรงแรม APA Hotel Kyoto เดินตามกลิ่นไปเดี่ยวก็เจอ มีมุมขายของนิดหน่อยแต่ก็จะเป็นสินค้าที่เลือกมาแล้วครับ น่าซื้อทั้งนั้นท่องไว้ว่าพอแล้วๆๆ ใครอยากดื่มกาแฟจากเครื่องเอสเปรสโซ่ก็มีบริการ แต่ที่นี่ไม่ม่ที่นั่งชิลๆนะครับยืนดริ้งแล้วไปต่อเลย ที่นี่เจ้าของจะเป็นคนทำเองเลยมีความรู้เรื่องกาแฟมากกว่าจ้างเด็กมาขายได้แลกเปลี่ยนความรู้กันกับลูกค้า โต๊ะข้างๆผมเป็นออสเตรเลียก็ชอบกาแฟดื่มแล้วสนทนากันนิดหน่อยเจ้าของร้านยังแนะนำให้ไปร้านอื่นอีก แต่ผมอยากกินซูชิละ

Coffee every time in Japan(1)

ไปญี่ปุ่นแต่ละครั้งจะมีโจทย์ที่ไม่ซ้ำกันเท่าไหร่ มาคราวนี้นอกจากหาที่แปลกใหม่แล้ว โจทย์ซ้อนคือเข้าร้านกาแฟให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร้านนี้อยู่ริมถนน ริมถนนจริงๆ แต่เพื่อความเรียบร้อยก็จะอยู่หลังแนวทางเดินไม่วางตรงไหนก็วาง จริงๆผมเดินผ่านไปแล้วแต่เดินถอยหลังกลับเพื่อความแน่ใจ ในร้านมีเมล็ดกาแฟมากกว่าร้านดังในประเทศไทยเสียอีก นี่คือความแตกต่างข้อแรก ร้านกาแฟsmeทุกร้านมีเมล็ดกาแฟแบบเดียวและต้องถูกที่สุด แต่นี่ตรงข้ามเลยครับมีเมล็ดกาแฟมากมาย ลูกค้าที่เห็นกินเสร็จซื้อเมล็ดกลับ ถึงตาผมบ้าง เจ้าของร้านถามยังกะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สัมภาษณ์ไปถึงความชอบ กลิ่น รส หนัก เบา จนแกชี้มาตัวนึง จริงๆตอนถามผมบอกว่าชอบแบบกลางๆ แต่สรุปผมขอเอสเปรสโซ่ร้อน เหมือนหักหลังแก แกก็อาโน่มันจะเข้มไปนา ผมบอกว่าโอเคผมรับผิดชอบเอง คือมันหนาวและผมอยากได้แบบร้อนวาบเข้าท้องไปเลย ข้างหลังนั้นเหมือนข้อสอบเอนทรานซ์ ที่เราต้องผ่านด่านไปให้ได้ก่อนถึงจะได้กิน ผมว่าความตั้งใจมันเกินราคากาแฟที่ส่งผ่านมาถึงมือผม ความสนุกในการเลือกกาแฟกันและต่างเดาใจกันว่ามันจะใช่อย่างที่กูคิดไหม ความจริงมีกาแฟดริปด้วยแต่ มันค่ำแล้วแกคว่ำค่ำชามดริปเหลือแต่เครื่องแมชชีน ก็เลยดูๆดมๆไป ตัวที่ผมเลือกเป็นตัวที่แกบอกว่าเป็นตัวบนของร้านเลยทีเดียว มันอยู่ชั้นสองนั่นเอง ถ้าร้านเล็กๆบ้านเราเปลี่ยนแนวคิดเป็นหลากหลายผมว่าเราจะดีกว่าพากันดิ่งราคากันตายหมู่ คือคนกินก็เลือกไม่ได้คนขายก็ไม่ได้กำไร ทำไปเพราะว่างไม่มีอะไรทำ โอกาสยังรอคนตั้งใจจริงอยู่เสมอครับ