Browse Category

ไปไหนอะ

Home / Browse Category "ไปไหนอะ"

Latest Posts

Film and Fabric

กล้องและฟิล์มได้พาเราออกเดินทางไปพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา วันนี้ก็เช่นกัน ความตั้งใจของผมคือ 1 ม้วนกับการเดินทางแบบ 1 วัน กับร้านผ้าที่มีสีสันสดใส กล้องที่ใช้เป็นกล้อง Hasselblad 903SWC กล้องมุมกว้างพิเศษของ Hasselblad กับ Film Fuji Pro400h ร้านแรกคือร้านผ้าโขมพัสตร์ ร้านผ้าพิมพ์ประจำถิ่นของหัวหิน คนพื้นถิ่นหัวหินมักจะนิยมใส่ผ้าลายโขมพัสตร์ เห็นเป็นเรื่องชินตา ไปหัวหินอยู่นานกว่าจะหาผ้าโขมพัสตร์มาใส่แต่พอใส่แล้วก็ใส่เป็นเสื้อผ้าของชีวิตประจำวัน ความโดดเด่นน่าจะเป็นลายพิมพ์และการให้สีสันบนพื้นผ้า จริงๆแล้วร้านผ้าโขมพัสตร์มี หลายสาขา หลักๆคือสาขาหัวหิน สาขาถนนนเรศ และสาขามิราเคิลมอลล์ รูปนี้ถ่ายที่สาขาถนนนเรศครับ ร้านที่สองเป็น ร้านผ้าที่ดังระดับประเทศ หรือเรียกว่าดังระดับโลกก็คงจะไม่เกินความจริงไปนัก นั่นคือ Jim Thompson ทุกครั้งที่เข้าไปลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ มีคนไทยก็คงแต่พนักงาน เราสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของจิม ทอมป์สัน ได้หลายสาขาแต่ถ้าเป็นผ้าชิ้นแล้วคงจะมีแต่สาขาถนนสุรวงศ์เท่านั้นที่มีผ้าเป็นพับให้จับและนำไปตัดเอง

Read More
ความสุขอยู่ที่ไหน

วันหยุดราชการวันหนึ่ง ด้วยความที่ทำงานติดต่อกันมานานหลายสัปดาห์ ผมก็อยากออกจากที่เดิมๆเพื่อที่จะไปหาอะไรที่ไม่คุ้นตา แต่เวลาก็มีน้อยเหลือเกิน การออกจากบ้านไปรัศมีใกล้ๆน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ทะเลคือความคิดต่อมา ใกล้ๆทะเลๆ คำตอบคือบางแสนครับ แม่เจ้าประคุณเอ้ย ไปถึงแทบไม่มีที่จอดครับไอ้ที่ว่าถนนกว้างๆคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แน่นและแน่น เขามาทำอะไรกัน เขาก็มาเหมือนคุณ(มึง)นั่นแหละ อีกเสียงตอบกับตัวเองในหัว หลังจากที่คืบคลานหาที่จอดได้เราก็ต้องลงไปสูดไอทะเล แต่แปลก ส่วนใหญ่จะได้กลิ่นส้มตำ ไก่ย่าง ปลาหมีกย่าง ผมใช้เวลาเดินดูคนมาเที่ยวบางแสน เออ มันมีความสุขแฮะ ความสุขที่ได้เห็นคนมีความสุข แล้วมันเป็นความสุขที่ง่ายดาย คุณไม่ต้องไปทะเลที่สวยที่สุด ไม่ต้องไปทะเลที่ส่วนตัวที่สุด ไม่ต้องไปพักที่แพงที่สุด แต่คุณกลับมีความสุขที่สุด มันเป็นความสุขสาธารณะ คือความสุขร่วมกัน พอเราเห็นคนอื่นมีความสุขเราก็มีความสุขไปด้วย แล้วมันไม่ใช่น้อยๆครับเป็นร้อยๆ เรียบง่าย ปูเสื่อ เสื้อยืด เด็กๆวิ่งลงทะเล ลุง ป้า เอาครกมาเองตำๆๆๆๆ ไก่ย่างซื้อบ้าง

blind taste coffee

บางสิ่งไม่อาจสามารถตัดสินได้ด้วยตา ถ้าเราจะต้องเลือกไปร้านกาแฟสักร้านแล้วต้องแต่งร้านสวย ใช้อุปกรณ์แพง มีมุมถ่ายรูปเยอะๆ เราจะไม่ได้พบเจอหรือก็มีน้อยมากในญี่ปุ่น กาแฟที่ดีมันต้องดมและอมผ่านลิ้นค่อยกลืนลงไป ดังนั้นไม่ต้องดูบรรยากาศร้านอะไรมาก ไปชิมให้รู้กันไป ผมเดินผ่านหน้าร้านแล้วรู้สึกถึงความเรโทร กาแฟมากมายมหาศาลกองอยู่หน้าร้าน เหมือนบ่งบอกว่าร้านนี้มีให้เลือกเยอะนะ ระหว่างที่ยืนเมาเมล็ดกาแฟอยู่นั้น ก็ต้องหลบให้กับนักดื่มกาแฟที่ไม่ต้องมาเสียเวลายืนมองเมล็ดกาแฟอยู่นาน เพราะเขานำทางด้วย กลิ่น ลิ้น และสัมผัส ไม่ต้องมองครับนี่คือข้อได้เปรียบ เมื่อประสาทสัมผัสมันมีมากเราก็มักจะใช้มันให้ครบโดยไม่ได้จำเป็นไปซะทุกเรื่อง เช่นการจะกินกาแฟสักแก้ว เอาได้เวลาเข้าร้านแล้วครับ นอกจากร้านจะดูย้อนยุคคนขายก็อยู่ในยุคของร้านด้วยแต่เป็นการเก่าประสบการณ์ของการขายกาแฟมาอย่างยาวนาน กาแฟอะไรแพงกว่าซูชิอีกแต่ถ้ามันจะขนาดนั้นก็ต้องลองครับ คุณป้าเจ้าของร้านหยิบเมนูที่มีแต่ตัวหนังสือญี่ปุ่นออกมากาง ผมก็ท้าทายนางด้วย โอมากาเสะ เท่านั้นแหละครับภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เอโดะ เมจิ มาเป็นพรวน ผมยิ้มแล้วพูดซ้ำไปอีกรอบ โอมากาเสะ ผมได้กาแฟที่ได้รับการคัดเลือกพิเศษจากเจ้าของร้านมาจิบ มันจะบางกว่าเครื่องเอสเพรสโซ่แต่ว่ามันกลมกล่อมตามประสากาแฟดริป คุณป้ามาถามว่าเป็นยังไงถูกใจหนูไหม ผมก็พยักหน้าหงึกๆดีครับ สมาคม blind taste อยู่ที่ชั้นลอย คุยกันสนุกสนานและกาแฟถูกนำไปปรนเปรอ

GUNDUM at Odiba

ในวันที่หนาวเหน็บกับเด็กชายที่ชื่นชอบกันดั้ม ใครที่รู้จักตัวนี้บอกผมที่ว่ามันชื่ออะไร… ไม่รู้ว่าผมโตมากับตุ๊กตาบาร์บี้หรือเปล่าทำไมผมแยกแยะกันดั้มไม่ได้   วันที่ญี่ปุ่นมีอากาศเพียงเลขตัวเดียวผมก็ไม่ลืมสัญญาว่าจะพาไปดูกันดั้ม เพราะมันอยู่โตเกียว โตเกียวเป็นเมืองสุดท้ายที่จะมาเก็บรายละเอียดเล็กน้อยก่อนกลับเมืองไทย   หลังจากที่ดูกล้องจนเพลินหันไปดูพระอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าแล้วเราจึงบึ่งไปโอไดบะ โอไดบะเป็นเกาะที่เกิดจากการถมทะเล ที่นี่จึงเป็นเมืองใหม่ที่ถูกวางภูมิสถาปัตย์มาเป็นอย่างดี คุณสามารถนั่ง yamanote line มาลงสถานี shimbashi แล้วไปนั่งรถไฟไร้คนขับชื่อ yurikamome ที่โอไดบะคุณสามารถไปทิ้งเวลาที่นั่นได้ทั้งวันแต่ผมไปหลายรอบละ คราวนี้จึงไปดูกันดั้มโดยตรง และไปแช่ออนเซนก่อนกลับบ้านนอนอากาศต้นเดือนมีนาคมหนาวเหน็บแบบเลขตัวเดียวมาพร้อมลมกรรโชกแรง ลงสถานดีไดบะแล้วเดินต่ออีก 800 เมตร หลายคนลงพร้อมผมและเป็นเพื่อนร่วมทางไปด้วยกัน เราไปถึงก็มืดสนิทแล้ว ผมถ่ายมาสองรูปเสร็จ แต่เด็กชายที่ไปด้วยขอซึมซับบรรยากาศกันดั้มต่ออีกหน่อย มันคงเป็นฝันของเด็กชายส่วนใหญ่ที่อยากไปดูหุ่นยนต์ขนาดเท่าของจริง เมื่อเรามีเป้าหมายเราก็จะไปถึงครับ

Coffee every time in Japan(2)

ผมยังคงพักอยู่ที่เกียวโต ที่พักที่เหมาะกับเราที่สุดคือที่พักที่เดินไม่ไกลกับสถานีรถไฟมากนัก เกียวโตเป็นเมืองเก่า โบราณสถานเยอะมากครับมาสามครั้งก็ไม่ซ้ำกันทั้งสามครั้ง ที่สถานีรถไฟเกียวโต เราสามารถนั่งรถไฟเชื่อมไปที่ต่างๆและยังเป็นท่ารถบัสมากมาย กลับมาที่เรื่องกาแฟกันครับ สำหรับประเทศญี่ปุ่นวิถี slow life นอกจากชงชาแล้ว กาแฟที่นี่ก็นิยมแบบดริปเช่นกัน ดังนั้นควรลองดริปครับ ร้านกาแฟหาง่ายพอๆกับเซเว่นบ้านเรา เดินเข้าไปครับชี้ไปมั่วๆก็ยังอร่อย แต่คนรุ่นใหม่จะพูดภาษาอังกฤษได้เราก็คุยง่ายหน่อย ผมเลือกกาแฟเอธิโอเปียมาดริปเนื่องจากความหอมและดื่มง่าย ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับโรงแรม APA Hotel Kyoto เดินตามกลิ่นไปเดี่ยวก็เจอ มีมุมขายของนิดหน่อยแต่ก็จะเป็นสินค้าที่เลือกมาแล้วครับ น่าซื้อทั้งนั้นท่องไว้ว่าพอแล้วๆๆ ใครอยากดื่มกาแฟจากเครื่องเอสเปรสโซ่ก็มีบริการ แต่ที่นี่ไม่ม่ที่นั่งชิลๆนะครับยืนดริ้งแล้วไปต่อเลย ที่นี่เจ้าของจะเป็นคนทำเองเลยมีความรู้เรื่องกาแฟมากกว่าจ้างเด็กมาขายได้แลกเปลี่ยนความรู้กันกับลูกค้า โต๊ะข้างๆผมเป็นออสเตรเลียก็ชอบกาแฟดื่มแล้วสนทนากันนิดหน่อยเจ้าของร้านยังแนะนำให้ไปร้านอื่นอีก แต่ผมอยากกินซูชิละ

Coffee every time in Japan(1)

ไปญี่ปุ่นแต่ละครั้งจะมีโจทย์ที่ไม่ซ้ำกันเท่าไหร่ มาคราวนี้นอกจากหาที่แปลกใหม่แล้ว โจทย์ซ้อนคือเข้าร้านกาแฟให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร้านนี้อยู่ริมถนน ริมถนนจริงๆ แต่เพื่อความเรียบร้อยก็จะอยู่หลังแนวทางเดินไม่วางตรงไหนก็วาง จริงๆผมเดินผ่านไปแล้วแต่เดินถอยหลังกลับเพื่อความแน่ใจ ในร้านมีเมล็ดกาแฟมากกว่าร้านดังในประเทศไทยเสียอีก นี่คือความแตกต่างข้อแรก ร้านกาแฟsmeทุกร้านมีเมล็ดกาแฟแบบเดียวและต้องถูกที่สุด แต่นี่ตรงข้ามเลยครับมีเมล็ดกาแฟมากมาย ลูกค้าที่เห็นกินเสร็จซื้อเมล็ดกลับ ถึงตาผมบ้าง เจ้าของร้านถามยังกะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สัมภาษณ์ไปถึงความชอบ กลิ่น รส หนัก เบา จนแกชี้มาตัวนึง จริงๆตอนถามผมบอกว่าชอบแบบกลางๆ แต่สรุปผมขอเอสเปรสโซ่ร้อน เหมือนหักหลังแก แกก็อาโน่มันจะเข้มไปนา ผมบอกว่าโอเคผมรับผิดชอบเอง คือมันหนาวและผมอยากได้แบบร้อนวาบเข้าท้องไปเลย ข้างหลังนั้นเหมือนข้อสอบเอนทรานซ์ ที่เราต้องผ่านด่านไปให้ได้ก่อนถึงจะได้กิน ผมว่าความตั้งใจมันเกินราคากาแฟที่ส่งผ่านมาถึงมือผม ความสนุกในการเลือกกาแฟกันและต่างเดาใจกันว่ามันจะใช่อย่างที่กูคิดไหม ความจริงมีกาแฟดริปด้วยแต่ มันค่ำแล้วแกคว่ำค่ำชามดริปเหลือแต่เครื่องแมชชีน ก็เลยดูๆดมๆไป ตัวที่ผมเลือกเป็นตัวที่แกบอกว่าเป็นตัวบนของร้านเลยทีเดียว มันอยู่ชั้นสองนั่นเอง ถ้าร้านเล็กๆบ้านเราเปลี่ยนแนวคิดเป็นหลากหลายผมว่าเราจะดีกว่าพากันดิ่งราคากันตายหมู่ คือคนกินก็เลือกไม่ได้คนขายก็ไม่ได้กำไร ทำไปเพราะว่างไม่มีอะไรทำ โอกาสยังรอคนตั้งใจจริงอยู่เสมอครับ

82eighttwocafe

  การหาร้านกาแฟที่อร่อยและบรรยากาศดีถือว่าเป็นโชคดีของการดื่มกาแฟ ผมขี่จักรยานเล่นตามตรอกซอกซอยแล้วก็ไปเจอกับร้านกาแฟนึงที่เข้าซอยไปไม่ลึกมาก ซ่อนตัวอย่างเงียบสงบและบรรยากาศอบอุ่น อันที่จริงร้านนี้ได้รับการรีวิวเรื่องของโครงสร้างบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ในพันทิปมาแล้วค่อนข้างโด่งดัง เราไม่ลังเลที่จะแวะจอดเพื่อดมกาแฟ ร้านเป็นปูนเปลือยชั้นสองเป็นบ้านไม้ มีกาแฟเกือบทุกชนิดที่เป็นมาตฐานกาแฟทั่วไป ผมสั่ง อเมริกาโน่ไปเพื่อเทสรสกาแฟ ถือว่าเข้มข้นผ่านมาตฐานการดื่มกาแฟของคอกาแฟ ที่นี่มีโต๊ะให้นั่งเล่น อ่านหนังสือแบบสบายๆ หรืออยากมากับเพื่อนเป็นกลุ่มก็มีมุมแบบก๊วนให้นั่ง สำหรับท่านที่ชอบทานขนมเคล้ากับกาแฟที่นี่มีให้เลือกค่อนข้างเยอะ   ใครที่มาหัวหินแล้วอยากจะแวะมาหาไม่ยาก ตามชื่อร้าน อยู่หัวหินซอย82 ถ้ามาจากรุงเทพต้องเลยแยกเทศบาล(แยกไฟแดงที่เลยตลาดฉัตรไชย) มาสักสองร้อยเมตรมองไปทางขวามือหาป้ายซอยเข้าไปสักห้าสิบเมตรก็เจอละ ใครอยากดูเฟสของร้านดูได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/82eighttwocafe คนที่ชอบไซบีเรียนฮัสกี้ ที่นี่มี(นอน)ต้อนรับอยู่ครับ ปล. ภาพบางส่วนจากเฟสของร้านเอง ผมเอากล้องฟิล์มไปถ่ายเองสองรูปดูออกไหมว่ารูปไหน ดีเจปืน

ผ้าตีนจกคูบัว

ถ้าเอ่ยถึงจังหวัดราชบุรี สิ่งแรกที่อยู่ในหัวคือโอ่งแต่จริงๆแล้วราชบุรียังมีของดีอีกมากมาย และสิ่งที่มีค่ามากของประเทศไทยที่ซ่อนอยู่ในราชบุรีนั่นคือ ผ้าตีนจกคูบัว คูบัวเป็นเมืองเก่าแก่ของประเทศไทยมายาวนานแต่ ที่ฝากมาจากรุ่นสู่รุ่นถึงปัจจุบันนั่นก็คือ ผ้าตีนจก ถ้าการกลับมาของการใส่ผ้าไทยมาถึง การมีผ้าจกคูบัวไว้ใส่ในโอกาสต่องเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ผ้าเหล่านี้ล้วนต้องทอด้วยมือและใช้เวลาว่างจากการทำนาทำงานบ้านมานั่งจกผ้ากัน จกคูบัวนี้กำลังจะเลือนลางหายไป ในตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดราชบุรีและเห็นชาวบ้านแต่งตัวสวยมารับเสด็จจึงมีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านว่า ผ้านี้สวยซื้อที่ไหน ชาวบ้านจึงบอกว่าทอเองเจ้าค่ะ การสืบสานการทอผ้าตีนจกคูบัวจึงเริ่มต้นขึ้นใหม่แต่นั้น ปีนี้ยายซ้อนอายุ 84ปี แต่ร่างกายก็ยังแข็งแรง คุณสามารถจับผ้าตั้งแต่ราคาหลักร้อยถึงหลักหมื่นได้ที่นี่ ทีแรกก็คิดว่าแพงแต่ผืนหลักหมื่นใช้เวลาทอมากกว่า3เดือน จึงคิดว่ามันสมราคาจริงๆ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ แปะเอาไว้คราวหน้าไปราชบุรีแวะดูผ้าตีนจกคูบัว ดีเจปืน

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

ใครที่ไปชะอำหัวหินบ่อยๆน่าจะเคยแวะไปชม พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน มาบ้างแล้ว วันนี้อยากแนะนำให้เดินเลยเข้าไปข้างในอีกนิดจะเป็นบ้านพระยารามราฆพ ซึ่งเป็นอาคารไทยประยุกต์ ติดทะเล จริงๆหลังๆผมมักจะเดินมานั่งดูทะเลตรงนี้บ่อยๆเนื่องจากเงียบสงบกว่ามองเห็นทะเลได้ดีกว่า บริเวณนี้เป็นที่เดียวที่เปิดโอกาสให้จัดงานเลี้ยงต่างๆได้ นอกจากงานแต่งงานแล้วผมยังเห็นงานเลี้ยงของหน่วยงานต่างๆจัดที่นั่นอยู่บ่อยๆ ตัวอาคารมองไกลๆจะเหมือนรูปหัวใจ มีห้องกลางและมีห้องพักเป็นปีกทั้งสองข้างอาคารไม้ยกสูง ไปครั้งหลังเหมือนจะปิดไม่ให้ขึ้นชั้นบนเนื่องจากบันไดชำรุด มีโอกาสลองแวะไปสูดอากาศไอหญ้าและไอทะเลปนๆกันมันทำให้กลับมาทำงานได้เต็มที่ทีเดียว

ทะเลบัวแดง

หลังจากดูสื่อประโคมข่าวทะเลบัวแดงจนทนไม่ไหวเลยหาเรื่องจะไปดูทะเลบัวแดงกับเค้าบ้าง ทะเลบัวแดง เป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่ที่สุดใน หนองหาน อ.กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งCNN ยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมาแล้ว บนเนื้อที่กว่า 22,500 ไร่ ที่ระบบนิเวศน์เกื้อกูลกันให้เกิดธรรมชาติที่งดงาม มันคงธรรมดามากถ้าเป็นทะเลสาบทั่วไปแต่ที่นี่มีดอกบัวแดงบานอยู่ทั่วบึง เรียกได้ว่าสุดลูกหูลูกตา ถ้านี่เป็นที่มาของโลกสีชมพูก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะมันใช่จริงๆ การเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีนั้นก็ไม่ยากไปได้ทุกเส้นทาง แต่หนองหานจะอยู่ห่างจากเมืองไปอีก 20 กิโลเมตร การชมทะเลบัวแดงนั้นจะเปิดให้ชมช่วงเดือน พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ของทุกปีคือปีละ 4 เดือนเท่านั้น นักท่องเที่ยวเริ่มไปมากขึ้นเป็นลำดับจนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญชวนให้ไปทะเลบัวแดงกันวันธรรมดา เพราะเสาร์อาทิตย์เหมือนคุณจะไปแค่กระพริบตาแล้วก็กลับผิดกับวันธรรมดาที่จะได้สูดเอาเกสรดอกบัวเข้าปอดได้ด้วย นอกจากสี่เดือน วันธรรมดาแล้ว เคล็ดลับสุดท้ายคือคุณต้องไปแสงแรกของวันครับ ถ้าคุณเป็นพวกนั่งรถไฟเหาะแล้วชอบหัวขบวนคุณต้องไปแสงแรกเท่านั้นมันเหมาะกับการถ่ายรูป ดูนก จกบัว ทัวร์ริ่ง เพราะบัวจะบานแค่ครึ่งวันเท่านั้น (แต่เรือมีตั้งแต่เช้าถึงห้าโมงเย็น) ปีนี้เค้าปิดแล้วอ่านแล้วคันจองตั๋วอีกทีปลายปี แพลนดีๆมีที่เที่ยวอื่นๆก็น่าสนใจ